สัมพะหุลาอะหัง ภันเต สัมพะหุลา นานาวัตถุกาโย ปาจิตติยาโย อาปัตติโย อาปันโน ตา ปะฏิเทเสมิ. เริ่ม) #พรรษาอ่อนกว่ากราบพรรษาแก่กว่า3ครั้ง (พรรษาอ่อนว่า) สัพพา ตา อาปัตติโย อาโรเจมิ (ว่า ๓ หน) สัพพา คะรุละหุกา อาปัตติโย อาโรเจมิ (ว่า ๓ หน) อะหัง ภันเต สัมพะหุลา นานาวัตถุกาโญ อาปัตติโย #อาปัชชิงตาตุมหะมูเลปะฏิเทเสมิ (พรรษาแก่รับว่า) #ปัสสะสิอาวุโสตาอาปัตติโย (พรรษาอ่อนว่า) อุกาสะ อามะ ภันเต ปัสสามิ (พรรษาแก่รับว่า) อายะติง อาวุโส สังวะเรยยาสิ (พรรษาอ่อนว่า) สาธุ สุฏฐุ ภันเต สังวะริสสามิ ทุติยัมปิ สาธุ สุฏฐุ ภันเต สังวะริสสามิ ตะติยัมปิ สาธุ สุฏฐุ ภันเต สังวะริสสามิ นะ ปุเนวัง กะริสสามิ นะ ปุเนวัง ภาสิสสามิ นะ ปุเนวัง จินตะยิสสามิ (จบพรรษาอ่อน) (พรรษาแก่ว่า) สัพพา ตา อาปัตติโย อาโรเจมิ (ว่า ๓ หน) สัพพา คะรุละหุกา อาปัตติโย อาโรเจมิ (ว่า ๓ หน) อะหัง อาวุโส สัมพะหุลา นานาวัตถุกาโย อาปัตติโย อาปัชชิง ตา ตุยหะ มูเล ปะฏิเทเสมิ (พรรษาอ่อนรับว่า) อุกาสะ ปัสสะถะ ภันเต ตา อาปัตติโย (พรรษาแก่ว่า) อามะ อาวุโส ปัสสามิ (พรรษาอ่อนรับว่า) อายะติง ภันเต สังวะเรยยาถะ (พรรษาแก่ว่า) สาธุ สุฏฐุ อาวุโส สังวะริสสามิ ทุติยัมปิ สาธุ สุฏฐุ อาวุโส สังวะริสสามิ ตะติยัมปิ สาธุ สุฏฐุ อาวุโส สังวะริสสามิ นะ ปุเนวัง กะริสสามิ (พรรษาอ่อนรับว่า สาธุ) นะ ปุเนวัง ภาสิสสามิ (พรรษาอ่อนรับว่า สาธุ) นะ ปุเนวัง จินตะยิสสามิ (พรรษาอ่อนรับว่า สาธุ) (เสร็จ) พรรษาอ่อนกว่า กราบ พรรษาแก่กว่า 3 ครั้ง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทางไปสู่พระนิพพาน 18 ธ ค 57 ค่ำ โดยหลวงพ่ออินทร์ถวาย ณ สวนแสงธรรม

การเกิดมรรคผล

มรรคผลนิพพานไม่ไกลนะ มันไกลสำหรับคนซึ่งไม่รู้จักวิธี#จิตก็ทรงสติปัญญามากขึ้นๆนะ #ตอนที่อริยมรรคจะเกิดเนี่ยไม่ได้ไปรู้รูปนามหรอก #จิตจะรวมเข้าอัปปนาสมาธิตัดการรับรู้ที่แผ่กว้างออกทางตาหูจมูกลิ้นกาย ตัดการรับรู้อันนั้นออกแล้วรวมลงมาที่ใจอันเดียวเห็นไหมสมาธิสำคัญนะ ที่เราฝึกให้มีตัวรู้ๆ เวลาเกิดอริยมรรคมันมาเกิดที่ตัวรู้นี่แหละไม่ไปเกิดที่อื่นหรอก ถ้าเราไม่มีตัวรู้ มีแต่ตัวร่อนเร่ ไปเกิดที่โน่นที่นี่ นั่นเรียกเวียนว่ายตายเกิด ไปเกิดที่อื่น งั้นเราฝึกให้มีตัวรู้ขึ้นมา ท่านจึงสอนในอภิธรรมสอน สัมมาสมาธิเป็นภาชนะที่รองรับองค์มรรคทั้ง ๗ ที่เหลือเข้าด้วยกัน เป็นที่ประชุมขององค์มรรค งั้นจิตประชุมที่ไหน? ประชุมที่จิต ประชุมด้วยอำนาจของสัมมาสมาธิ จิตที่มันตั้งมั่น แล้วสติเกิดที่ไหน? ที่จิต สัมมาสติ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาทั้งหลายแหล่เกิดลงที่จิตอันเดียวเลย ประชุมลงที่จิตอันเดียวเลย สัมมาวาจาไม่ได้ไปอยู่ที่ปากแล้ว แต่อยู่ที่จิต สังเกตไหมก่อนปากพูดจิตพูดก่อน สัมมาวาจาตอนที่อริยมรรคเกิดมันพูดอะไรรู้ไหม? มันพูดอย่างนี้ “ ” ได้ยินไหม เนี่ยสัมมาวาจา ถ้ายังอ้าแง๊บๆๆๆเนี่ยมิจฉาวาจานะ งั้นประชุมลงที่จิตเลย องค์มรรค ๘ ประการรวมลงที่จิตอันเดียวด้วยอำนาจของสัมมาสมาธินั่นเองนะ ตรงนี้อัตโนมัติทั้งหมดเลย สติระลึกรู้อยู่แค่จิตโดยไม่เจตนาระลึก สมาธิตั้งมั่นอยู่กับจิตโดยไม่เจตนาตั้งมั่น ปัญญานี่หยั่งซึ้งลงไปในจิต เห็นการทำงานภายในจิตอีกโดยไม่เจตนา สติ สมาธิ ปัญญา รวมลงที่เดียวนี้เอง อริยมรรคก็เกิด ถ้ายังกระจายๆอยู่ไม่เกิดอริยมรรค อริยมรรคมีองค์ ๘ ถามว่าอริยมรรคมีเท่าไหร่ มี ๑ เท่านั้นนะ เวลาเกิดอริยมรรคมี ๑ เท่านั้น แต่มีองค์ประกอบ ๘ อย่าง มรรคไม่ได้มี ๘ มรรคนะ แต่ว่าการเกิดอริยมรรคจะเกิด ๔ ครั้ง โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามีมรรค อรหัตมรรค มรรคแต่ละครั้งเกิด ๑ ขณะจิตเท่านั้น ไม่เกิด ๒ ขณะจิต