วิธีละกิเลส วิธีเข้าถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า

พวกเราเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เกิดในแผ่นดินที่ดี

พวกเรามีสติปัญญาสนใจธรรมะ พวกเราได้ฟังธรรมะ มีบุญนะพวกเรา
เหลืออยู่อย่างเดียวเท่านั้นแหละ ปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม
ถ้าปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม คือมีสติ รู้กายรู้ใจเรื่อยๆไป เรียกว่าปฏิบัติธรรม
ถึงวันหนึ่งเราได้มรรคได้ผลขึ้นมา เราจะรู้คุณค่าที่แท้จริงของพระศาสนา
รู้เลยว่าไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เท่ากับคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ถึงจะดีถึงจะวิเศษแค่ไหน
เป็นเพียงเครื่องช่วยให้อยู่ในโลกอย่างสบาย
#มีแต่ธรรมะของพระพุทธเจ้าช่วยให้เราอยู่เหนือโลกได้
อยู่เหนือโลกมันดีตรงไหน มันดีตรงที่มันพ้นจากความแปรปรวน
โลกนี้เต็มไปด้วยความแปรปรวนนะ มีสุขแล้วก็ทุกข์นะ
มีสรรเสริญแล้วก็นินทา มีลาภแล้วก็เสื่อมลาภ มียศแล้วก็เสื่อมยศ
โลกมันเป็นอย่างนั้น โลกกระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลงตลอดเวลา
โลกไม่เคยสงบสันติที่แท้จริง
ยุคใดเรียกร้องสันติภาพมาก แสดงว่ายุคนั้นไม่มีสันติภาพ
ยุคใดเรียกร้องเสรีภาพ แสดงว่ายุคนั้นไม่มีเสรีภาพ
ยุคใดเรียกร้องความรักความสามัคคี แสดงว่าไม่มีความรักความสามัคคี
เห็นไหม โลกมันเป็นอย่างนี้ โลกมันมีแต่ความทุกข์ มีแต่ความแปรปรวน
จะเก่งจะวิเศษยังไงนะ สมมุติว่าเราเรียนเก่งมากเลย แล้วรวยมากเลย
ถามว่าเราจะพ้นจากความกระทบกระทั่งของโลกได้ไหม พ้นไม่ได้ เรายังอยู่ในโลก
แต่ถ้าเราฝึกจิตฝึกใจของเรา เราปฏิบัติธรรม เรารู้กาย เรารู้ใจ มากเข้าๆ เนี่ย
ไม่ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นในโลกเนี่ย ใจมันสงบ ใจมันมีสันติสุขอยู่ได้
ทีนี้เมื่อความแก่ความเจ็บความตาย ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก การเจอสิ่งที่ไม่รัก
ความผิดหวังทั้งหลายเกิดขึ้น ไม่ทุกข์หรอก ทุกข์ก็ทุกข์น้อยกว่าคนอื่น

มีบางคนนะมาเล่าให้หลวงพ่อฟัง ทำธุรกิจระดับร้อยล้าน
อยู่ๆ ไม่นาน ไม่นานมานี้ ไม่กี่เดือนนี้เอง อยู่ๆ แบงค์ไม่ปล่อยเงินให้แล้ว
ปล่อยมาตลอดนะ ก็หมุนเวียนทำงาน ทำธุรกิจมาได้เรื่อยๆ
อยู่ๆ ก็ไม่ปล่อยแล้ว เพราะแบงค์ฐานะไม่ค่อยจะดี กลัว เกิดกลัวหนี้สูญขึ้นมา
ธุรกิจร้อยล้านล้มไปเฉยๆ เลย ไม่มีทุนหมุนเวียน
กลับไปอยู่ที่ศูนย์ใหม่ คือไม่มีอะไรเหลือใหม่
แต่คนนี้ยังดีนะ สมัยที่ยังร่ำรวยนี่ศึกษาธรรมะ หัดดูกายดูใจของตัวเองอยู่เรื่อยๆ
วันที่ธุรกิจล้มลงไปเนี่ย คิดอย่างหนึ่งนะว่าอยากฆ่าตัวตาย อยากฆ่าตัวตายนะ
เสร็จแล้วใจที่มันมีธรรมะมันก็เตือนขึ้นมา ก่อนหน้านี้เราก็ไม่มีอะไร
พากเพียรสร้างมันขึ้นมาได้ มันได้มาแล้วมันก็เสียไป
โลกมันเป็นอย่างนี้ ไม่ฆ่าตัวตายนะ
แล้วอย่างหนึ่งก็มาคิดดูเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์
ทำธุรกิจเจ๊งแล้วฆ่าตัวตาย เดี๋ยวเสียชื่อหลวงพ่อ
จริงๆ หลวงพ่อไม่ห่วงเรื่องเสียชื่อหรอกนะ
แต่ว่าคุยกับมันก็ เอ้อ อย่าไปฆ่านะ เสียชื่อหลวงพ่อ
รีบคล้อยตามมันไป เดี๋ยวมันฆ่าตัวตาย
ตอนนี้ก็เริ่มตั้งหลักขึ้นมาใหม่ได้แล้ว ล้มแล้วมันก็ลุกได้นะคนเรา
ล้มแล้วอย่าให้ใจเราล้มไปด้วย เรามีหลักยึด มีธรรมะไว้
เห็นเลย โลกมันแปรปรวนอย่างนี้แหละ มันสู้ได้
เตรียมตัว เตรียมตัวต่อสู้กับชีวิต ด้วยการมีธรรมะอยู่ในใจเรา
อะไรล้มได้นะ สูญเสียได้ ไม่เสียกำลังใจของเรา
มีสติมีปัญญารักษาใจไว้ ทำธุรกิจล้มไปก็สู้ตาย สู้ด้วยสติปัญญา
เกิดความล้มพลั้งพลาดไป ล้มเหลวไปในชีวิต ทำความผิดพลาดไป ก็ตั้งต้นใหม่

ทำผิดศีล ผิดธรรม มีชู้ มีกิ๊กอะไร ตั้งต้นใหม่
ทำธุรกิจไม่ดี ตั้งต้นใหม่
ขอให้ใจเราดีก่อนก็แล้วกัน ค่อยฝึกไปเรื่อย
เสียอะไรก็เสียได้ อย่าให้ใจเราเสีย ให้ใจเรามีธรรมะหล่อเลี้ยงไว้
ธรรมะที่ดีนะ มีศีลไว้ มีใจที่สงบ มีใจที่ตั้งมั่นไว้ อย่าหลงระเริงกับโลกมาก
มีสติรู้กายรู้ใจ เจริญปัญญาไป แล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เราก็ไม่ล้มละลายทางธรรมะ ไม่ล้มละลายทางจิตวิญญาณ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทางไปสู่พระนิพพาน 18 ธ ค 57 ค่ำ โดยหลวงพ่ออินทร์ถวาย ณ สวนแสงธรรม

การเกิดมรรคผล

มรรคผลนิพพานไม่ไกลนะ มันไกลสำหรับคนซึ่งไม่รู้จักวิธี#จิตก็ทรงสติปัญญามากขึ้นๆนะ #ตอนที่อริยมรรคจะเกิดเนี่ยไม่ได้ไปรู้รูปนามหรอก #จิตจะรวมเข้าอัปปนาสมาธิตัดการรับรู้ที่แผ่กว้างออกทางตาหูจมูกลิ้นกาย ตัดการรับรู้อันนั้นออกแล้วรวมลงมาที่ใจอันเดียวเห็นไหมสมาธิสำคัญนะ ที่เราฝึกให้มีตัวรู้ๆ เวลาเกิดอริยมรรคมันมาเกิดที่ตัวรู้นี่แหละไม่ไปเกิดที่อื่นหรอก ถ้าเราไม่มีตัวรู้ มีแต่ตัวร่อนเร่ ไปเกิดที่โน่นที่นี่ นั่นเรียกเวียนว่ายตายเกิด ไปเกิดที่อื่น งั้นเราฝึกให้มีตัวรู้ขึ้นมา ท่านจึงสอนในอภิธรรมสอน สัมมาสมาธิเป็นภาชนะที่รองรับองค์มรรคทั้ง ๗ ที่เหลือเข้าด้วยกัน เป็นที่ประชุมขององค์มรรค งั้นจิตประชุมที่ไหน? ประชุมที่จิต ประชุมด้วยอำนาจของสัมมาสมาธิ จิตที่มันตั้งมั่น แล้วสติเกิดที่ไหน? ที่จิต สัมมาสติ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาทั้งหลายแหล่เกิดลงที่จิตอันเดียวเลย ประชุมลงที่จิตอันเดียวเลย สัมมาวาจาไม่ได้ไปอยู่ที่ปากแล้ว แต่อยู่ที่จิต สังเกตไหมก่อนปากพูดจิตพูดก่อน สัมมาวาจาตอนที่อริยมรรคเกิดมันพูดอะไรรู้ไหม? มันพูดอย่างนี้ “ ” ได้ยินไหม เนี่ยสัมมาวาจา ถ้ายังอ้าแง๊บๆๆๆเนี่ยมิจฉาวาจานะ งั้นประชุมลงที่จิตเลย องค์มรรค ๘ ประการรวมลงที่จิตอันเดียวด้วยอำนาจของสัมมาสมาธินั่นเองนะ ตรงนี้อัตโนมัติทั้งหมดเลย สติระลึกรู้อยู่แค่จิตโดยไม่เจตนาระลึก สมาธิตั้งมั่นอยู่กับจิตโดยไม่เจตนาตั้งมั่น ปัญญานี่หยั่งซึ้งลงไปในจิต เห็นการทำงานภายในจิตอีกโดยไม่เจตนา สติ สมาธิ ปัญญา รวมลงที่เดียวนี้เอง อริยมรรคก็เกิด ถ้ายังกระจายๆอยู่ไม่เกิดอริยมรรค อริยมรรคมีองค์ ๘ ถามว่าอริยมรรคมีเท่าไหร่ มี ๑ เท่านั้นนะ เวลาเกิดอริยมรรคมี ๑ เท่านั้น แต่มีองค์ประกอบ ๘ อย่าง มรรคไม่ได้มี ๘ มรรคนะ แต่ว่าการเกิดอริยมรรคจะเกิด ๔ ครั้ง โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามีมรรค อรหัตมรรค มรรคแต่ละครั้งเกิด ๑ ขณะจิตเท่านั้น ไม่เกิด ๒ ขณะจิต