มรรคผลนิพพาน

ทางหลุดพ้นจากทุกข์ในชีวิตของสัตว์โลกมี 5 ทาง

(พระสาวกทั้งหลายที่ได้บรรลุธรรมในสมัยพุทธกาลนั้นมี 5 สาเหตุนี้)
1. ได้ฟังธรรมะจากพระศาสดาหรือจากภิกษุก็ตาม ได้รู้เข้าใจชัดในธรรม เกิด ปีติ เกิดความสุข เกิดความตั้งมั่น เกิดปัญญาหลุดพ้นจากอาสาวะกิเลสทั้งปวง
2. ได้ฟังธรรมแล้วยังไม่หลุด แต่เมื่อจดจำธรรมะได้แล้วไป
แสดงธรรมะให้ผู้อื่นฟัง เราผู้แสดงธรรมะก็รู้แจ้งชัดเจนในธรรมะจนเกิดปีติเกิดความสุขเกิดความตั้งมั่นแห่งจิต
เกิดปัญญาหลุดพ้นจากอาสาวะกิเลสทั้งปวง
3.หากแสดงธรรมให้ผู้อื่นฟังแล้วตัวเองก็ไม่บรรลุ ให้นำธรรมะที่จดจำนั้นมาใคร่ครวญพิจารณาในใจ จนเข้าใจแจ่มแจ้ง เกิดปีติ เกิดความสุข เกิดจิตตั้งมั่น
เกิดปัญญาหลุดพ้นจากอาสาวะทั้งปวง
4.หากใคร่ครวญธรรมะในใจแล้วยังไม่หลุดพ้น บางท่านนำธรรมะที่จำมาแล้ว มาสวดสาธยายออกเสียง แล้วรู้ชัดเจนแจ่มแจ้งในธรรมจนเกิดปีติเกิดความสุข
เกิดจิตตั้งมั่น เกิดปัญญาแล้วหลุดพ้นจากอาสาวะทั้งปวง
5.หากทำทั้ง 4ข้อแรกแล้วยังไม่หลุดพ้น แสดงว่าจิตใจอ่อนแอมาก จิตขาดกำลังสติ สมาธิ ท่านให้ทำสมาธิเพื่อรวบรวมความสงบให้เกิดขึ้นกับใจ
เมื่อจิตมีกำลังสมาธิขึ้นแล้วจึงพิจารณาในธรรมที่ได้จดจำมา จนเกิดปีติ เกิดความสุข เกิดความตั้งมั่น เกิดปัญญา หลุดพ้นจากอาสาวะทั้งปวง
(อธิบายขยายความจากวิมุตตายตนะสูตร ทางหลุดพ้น 5 ประการ))

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทางไปสู่พระนิพพาน 18 ธ ค 57 ค่ำ โดยหลวงพ่ออินทร์ถวาย ณ สวนแสงธรรม

การเกิดมรรคผล

มรรคผลนิพพานไม่ไกลนะ มันไกลสำหรับคนซึ่งไม่รู้จักวิธี#จิตก็ทรงสติปัญญามากขึ้นๆนะ #ตอนที่อริยมรรคจะเกิดเนี่ยไม่ได้ไปรู้รูปนามหรอก #จิตจะรวมเข้าอัปปนาสมาธิตัดการรับรู้ที่แผ่กว้างออกทางตาหูจมูกลิ้นกาย ตัดการรับรู้อันนั้นออกแล้วรวมลงมาที่ใจอันเดียวเห็นไหมสมาธิสำคัญนะ ที่เราฝึกให้มีตัวรู้ๆ เวลาเกิดอริยมรรคมันมาเกิดที่ตัวรู้นี่แหละไม่ไปเกิดที่อื่นหรอก ถ้าเราไม่มีตัวรู้ มีแต่ตัวร่อนเร่ ไปเกิดที่โน่นที่นี่ นั่นเรียกเวียนว่ายตายเกิด ไปเกิดที่อื่น งั้นเราฝึกให้มีตัวรู้ขึ้นมา ท่านจึงสอนในอภิธรรมสอน สัมมาสมาธิเป็นภาชนะที่รองรับองค์มรรคทั้ง ๗ ที่เหลือเข้าด้วยกัน เป็นที่ประชุมขององค์มรรค งั้นจิตประชุมที่ไหน? ประชุมที่จิต ประชุมด้วยอำนาจของสัมมาสมาธิ จิตที่มันตั้งมั่น แล้วสติเกิดที่ไหน? ที่จิต สัมมาสติ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาทั้งหลายแหล่เกิดลงที่จิตอันเดียวเลย ประชุมลงที่จิตอันเดียวเลย สัมมาวาจาไม่ได้ไปอยู่ที่ปากแล้ว แต่อยู่ที่จิต สังเกตไหมก่อนปากพูดจิตพูดก่อน สัมมาวาจาตอนที่อริยมรรคเกิดมันพูดอะไรรู้ไหม? มันพูดอย่างนี้ “ ” ได้ยินไหม เนี่ยสัมมาวาจา ถ้ายังอ้าแง๊บๆๆๆเนี่ยมิจฉาวาจานะ งั้นประชุมลงที่จิตเลย องค์มรรค ๘ ประการรวมลงที่จิตอันเดียวด้วยอำนาจของสัมมาสมาธินั่นเองนะ ตรงนี้อัตโนมัติทั้งหมดเลย สติระลึกรู้อยู่แค่จิตโดยไม่เจตนาระลึก สมาธิตั้งมั่นอยู่กับจิตโดยไม่เจตนาตั้งมั่น ปัญญานี่หยั่งซึ้งลงไปในจิต เห็นการทำงานภายในจิตอีกโดยไม่เจตนา สติ สมาธิ ปัญญา รวมลงที่เดียวนี้เอง อริยมรรคก็เกิด ถ้ายังกระจายๆอยู่ไม่เกิดอริยมรรค อริยมรรคมีองค์ ๘ ถามว่าอริยมรรคมีเท่าไหร่ มี ๑ เท่านั้นนะ เวลาเกิดอริยมรรคมี ๑ เท่านั้น แต่มีองค์ประกอบ ๘ อย่าง มรรคไม่ได้มี ๘ มรรคนะ แต่ว่าการเกิดอริยมรรคจะเกิด ๔ ครั้ง โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามีมรรค อรหัตมรรค มรรคแต่ละครั้งเกิด ๑ ขณะจิตเท่านั้น ไม่เกิด ๒ ขณะจิต