จิตเคลื่อนแล้วรู้ทัน การปฏิบัติสบาย :: หลวงพ่อปราโมทย์ 1 ม.ค. 2562 (ไฟล์...
ถ้าเรามีสติว่องไว จิตเคลื่อนแล้วรู้ อันนี้ไวที่สุด
เคลื่อนไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
รู้ทันปุ๊บ การปฏิบัติเสร็จแล้ว จะเห็นเลย
จิตผู้รู้ก็ไม่เที่ยง จิตที่เคลื่อนก็ไม่เที่ยง
จิตผู้รู้ก็รักษาไม่ได้ จิตที่เคลื่อนก็ห้ามไม่ได้ เดินปัญญาแล้ว
หรือเคลื่อนแล้วรู้ ๆ จิตก็หยุดการเคลื่อน ได้สมาธิ ได้ปัญญา
จิตเคลื่อนแล้วไม่เห็น เกิดสุขเกิดทุกข์ขึ้นมา ก็รู้ทันไป
ตรงนี้ก็รู้ได้ ถ้ารู้ตรงนี้ เรียกว่าเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ถ้าสุขทุกข์ไม่เห็น กิเลสจะแทรก
ราคะ โทสะ โมหะจะแทรกเข้ามา
ถ้ารู้ตรงนี้ เรียกว่า เจริญจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ถ้ากิเลสแทรกแล้ว ใจเกิดความอยากขึ้นมาแล้ว
สายไปแล้ว ยังไงก็ต้องทุกข์แล้ว
ช่วยไม่ทันแล้ว ต้องทุกข์แล้ว
แต่ถ้าเวทนาเกิด แล้วรู้ทันปุ๊บ ดับเลย ปฏิจจสมุปบาท ขาดแล้ว
เคยได้ยินไหม ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา
ผัสสะ คือการกระทบอารมณ์ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ถ้าเรามีสติตั้งแต่ผัสสะ กระบวนการของปฎิจจสมุปบาทก็จบลงตรงนั้นเลย
ถ้าตรงผัสสะ เราดูไม่ทัน มันเกิดเวทนาขึ้นมา โดยเฉพาะเวทนาทางใจ
เรามีสติรู้ทันตรงนี้ เวทนาก็ดับ
ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา
ตรงเวทนา กิเลสมันจะแทรก
เรารู้ทันตรงนี้ กระบวนการก็ดับ
ถ้ารู้ไม่ทันกิเลส ตัณหาจะเกิดแล้ว
โทสะเกิดขึ้น ก็เกิดวิภวตัณหา อยากให้สภาวะอันนี้หมดไป สิ้นไป
ถ้าราคะเกิดขึ้น ก็อยากให้สภาวะที่พอใจอยู่นาน ๆ อันนี้เรียกว่า ภวตัณหา
พอมันหายไป ก็อยากให้มันกลับมา เป็นกามตัณหา
ถ้าตัณหาเกิดแล้ว ความทุกข์ต้องเกิด
เพราะตัณหา เป็นตัวสมุทัย ผลของมัน คือตัวทุกข์
แต่ถ้าสติเราเร็ว ตัณหายังไม่ทันเกิด
กระบวนการของจิตจบลงแล้ว ไม่ทุกข์แล้ว
เพราะฉะนั้น ดูจิตที่เคลื่อนได้ ดูไปเลย
ถ้าดูจิตเคลื่อนไม่ได้ ดูความรู้สึกสุขทุกข์ที่เกิดขึ้น
ดูสุขทุกข์ไม่ทัน ดูโลภโกรธหลงที่เกิดขึ้น ดูเป็นชั้น ๆ
หลังจากนั้น สายไปแล้ว ต้องทุกข์
เคลื่อนไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
รู้ทันปุ๊บ การปฏิบัติเสร็จแล้ว จะเห็นเลย
จิตผู้รู้ก็ไม่เที่ยง จิตที่เคลื่อนก็ไม่เที่ยง
จิตผู้รู้ก็รักษาไม่ได้ จิตที่เคลื่อนก็ห้ามไม่ได้ เดินปัญญาแล้ว
หรือเคลื่อนแล้วรู้ ๆ จิตก็หยุดการเคลื่อน ได้สมาธิ ได้ปัญญา
จิตเคลื่อนแล้วไม่เห็น เกิดสุขเกิดทุกข์ขึ้นมา ก็รู้ทันไป
ตรงนี้ก็รู้ได้ ถ้ารู้ตรงนี้ เรียกว่าเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ถ้าสุขทุกข์ไม่เห็น กิเลสจะแทรก
ราคะ โทสะ โมหะจะแทรกเข้ามา
ถ้ารู้ตรงนี้ เรียกว่า เจริญจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ถ้ากิเลสแทรกแล้ว ใจเกิดความอยากขึ้นมาแล้ว
สายไปแล้ว ยังไงก็ต้องทุกข์แล้ว
ช่วยไม่ทันแล้ว ต้องทุกข์แล้ว
แต่ถ้าเวทนาเกิด แล้วรู้ทันปุ๊บ ดับเลย ปฏิจจสมุปบาท ขาดแล้ว
เคยได้ยินไหม ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา
ผัสสะ คือการกระทบอารมณ์ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ถ้าเรามีสติตั้งแต่ผัสสะ กระบวนการของปฎิจจสมุปบาทก็จบลงตรงนั้นเลย
ถ้าตรงผัสสะ เราดูไม่ทัน มันเกิดเวทนาขึ้นมา โดยเฉพาะเวทนาทางใจ
เรามีสติรู้ทันตรงนี้ เวทนาก็ดับ
ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา
ตรงเวทนา กิเลสมันจะแทรก
เรารู้ทันตรงนี้ กระบวนการก็ดับ
ถ้ารู้ไม่ทันกิเลส ตัณหาจะเกิดแล้ว
โทสะเกิดขึ้น ก็เกิดวิภวตัณหา อยากให้สภาวะอันนี้หมดไป สิ้นไป
ถ้าราคะเกิดขึ้น ก็อยากให้สภาวะที่พอใจอยู่นาน ๆ อันนี้เรียกว่า ภวตัณหา
พอมันหายไป ก็อยากให้มันกลับมา เป็นกามตัณหา
ถ้าตัณหาเกิดแล้ว ความทุกข์ต้องเกิด
เพราะตัณหา เป็นตัวสมุทัย ผลของมัน คือตัวทุกข์
แต่ถ้าสติเราเร็ว ตัณหายังไม่ทันเกิด
กระบวนการของจิตจบลงแล้ว ไม่ทุกข์แล้ว
เพราะฉะนั้น ดูจิตที่เคลื่อนได้ ดูไปเลย
ถ้าดูจิตเคลื่อนไม่ได้ ดูความรู้สึกสุขทุกข์ที่เกิดขึ้น
ดูสุขทุกข์ไม่ทัน ดูโลภโกรธหลงที่เกิดขึ้น ดูเป็นชั้น ๆ
หลังจากนั้น สายไปแล้ว ต้องทุกข์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น