ธรรมะของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล :: หลวงพ่อปราโมทย์ ๑๙ ก.พ. ๒๕๕๕ (ไฟล์ 550219 ...

เดือนนี้เดือนกุมภาพันธ์ หลวงพ่อมานึกได้ ตอนนั่งรถมา

หลวงพ่อไปกราบหลวงปู่ดุลย์ครั้งแรก ๖ กุมภาพันธ์ปี ๒๕๒๕ - ๓๐ ปีพอดี
นึกถึงหลวงปู่ แล้วเหมือนหลวงปู่มาอยู่ด้วย
วันนี้จะเทศน์ธรรมะของหลวงปู่ให้ฟัง

หลวงปู่ดูลย์นั้น เป็นครูบาอาจารย์ที่อัศจรรย์มาก
ท่านสร้างบารมีมาทางจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้น บารมีมากกว่าคนที่มุ่งเป็นสาวกปกติ
แต่เพราะว่ามุ่งไปทางพระปัจเจก ท่านเลยมีข้อจำกัดในการเทศน์
ท่านสอน - พูดภาษาไทยไม่ค่อยได้
คำสอนของท่านจะสั้น ๆ ประโยคหนึ่ง สองประโยค
ให้ท่านมาขึ้นธรรมาสน์เทศน์ ท่านไม่ทำ
เวลาเจอท่าน ท่านไม่ค่อยพูดอะไร นาน ๆ พูดคำเดียว พูดประโยคหนึ่ง
แต่สิ่งที่ท่านสอนนั้น อัศจรรย์มาก
คนไหนทำตามที่ท่านสอน ก็จะเจริญอย่างรวดเร็ว
เวลาท่านสอน ท่านจะสอนเฉพาะตัว
อย่างเราเข้าไปกราบ เราไปขอกรรมฐาน
ท่านไม่สอน ท่านจะนั่งเงียบไปเลย ชั่วโมง ครึ่งชั่วโมง
พอท่านออกจากสมาธิ ท่านก็จะสอนให้
ประโยค สองประโยคเท่านั้น
แต่ละคนไม่เหมือนกัน

เพราะฉะนั้น ถ้าจะไปถามว่า หลวงปู่ดูลย์สอนอะไร
ไปถามลูกศิษย์ทีละคน ตอบไม่เหมือนกัน
ตรงที่ท่านสอนมาไม่เหมือนกัน
ไม่มีใครรวบรวมเอาไว้ได้หมดด้วย ว่าท่านสอนใครยังไงบ้าง
ที่ไปรวมเป็นหนังสือขึ้นมา ในประวัติท่านอะไรต่ออะไรนั้น
ก็ไปให้ลูกศิษย์คนหนึ่ง สองคนเขียนเท่านั้นเอง
หลวงพ่อไปดู ๆ ก็ไม่ใช่อย่างที่ท่านสอนเรา
หลวงพ่อคลุกคลีอยู่กับลูกศิษย์ท่านเยอะ
รู้จักครูบาอาจารย์รุ่นรอง ๆ จากท่าน ที่เป็นลูกศิษย์ท่านหลายองค์
รวมทั้งพระหนุ่ม เณรน้อยที่อยู่กับท่าน
เวลาไปก็ไปคุยกัน ว่าหลวงปู่สอนอะไร ๆ
สุดท้ายแล้ว พบอย่างหนึ่งว่า
หลวงปู่สอนธรรมะครอบคลุมทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนจบ
แต่ท่านสอนแต่ละคนนั้น เท่าที่จะทำได้ ไม่เหมือนกันหรอก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทางไปสู่พระนิพพาน 18 ธ ค 57 ค่ำ โดยหลวงพ่ออินทร์ถวาย ณ สวนแสงธรรม

การเกิดมรรคผล

มรรคผลนิพพานไม่ไกลนะ มันไกลสำหรับคนซึ่งไม่รู้จักวิธี#จิตก็ทรงสติปัญญามากขึ้นๆนะ #ตอนที่อริยมรรคจะเกิดเนี่ยไม่ได้ไปรู้รูปนามหรอก #จิตจะรวมเข้าอัปปนาสมาธิตัดการรับรู้ที่แผ่กว้างออกทางตาหูจมูกลิ้นกาย ตัดการรับรู้อันนั้นออกแล้วรวมลงมาที่ใจอันเดียวเห็นไหมสมาธิสำคัญนะ ที่เราฝึกให้มีตัวรู้ๆ เวลาเกิดอริยมรรคมันมาเกิดที่ตัวรู้นี่แหละไม่ไปเกิดที่อื่นหรอก ถ้าเราไม่มีตัวรู้ มีแต่ตัวร่อนเร่ ไปเกิดที่โน่นที่นี่ นั่นเรียกเวียนว่ายตายเกิด ไปเกิดที่อื่น งั้นเราฝึกให้มีตัวรู้ขึ้นมา ท่านจึงสอนในอภิธรรมสอน สัมมาสมาธิเป็นภาชนะที่รองรับองค์มรรคทั้ง ๗ ที่เหลือเข้าด้วยกัน เป็นที่ประชุมขององค์มรรค งั้นจิตประชุมที่ไหน? ประชุมที่จิต ประชุมด้วยอำนาจของสัมมาสมาธิ จิตที่มันตั้งมั่น แล้วสติเกิดที่ไหน? ที่จิต สัมมาสติ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาทั้งหลายแหล่เกิดลงที่จิตอันเดียวเลย ประชุมลงที่จิตอันเดียวเลย สัมมาวาจาไม่ได้ไปอยู่ที่ปากแล้ว แต่อยู่ที่จิต สังเกตไหมก่อนปากพูดจิตพูดก่อน สัมมาวาจาตอนที่อริยมรรคเกิดมันพูดอะไรรู้ไหม? มันพูดอย่างนี้ “ ” ได้ยินไหม เนี่ยสัมมาวาจา ถ้ายังอ้าแง๊บๆๆๆเนี่ยมิจฉาวาจานะ งั้นประชุมลงที่จิตเลย องค์มรรค ๘ ประการรวมลงที่จิตอันเดียวด้วยอำนาจของสัมมาสมาธินั่นเองนะ ตรงนี้อัตโนมัติทั้งหมดเลย สติระลึกรู้อยู่แค่จิตโดยไม่เจตนาระลึก สมาธิตั้งมั่นอยู่กับจิตโดยไม่เจตนาตั้งมั่น ปัญญานี่หยั่งซึ้งลงไปในจิต เห็นการทำงานภายในจิตอีกโดยไม่เจตนา สติ สมาธิ ปัญญา รวมลงที่เดียวนี้เอง อริยมรรคก็เกิด ถ้ายังกระจายๆอยู่ไม่เกิดอริยมรรค อริยมรรคมีองค์ ๘ ถามว่าอริยมรรคมีเท่าไหร่ มี ๑ เท่านั้นนะ เวลาเกิดอริยมรรคมี ๑ เท่านั้น แต่มีองค์ประกอบ ๘ อย่าง มรรคไม่ได้มี ๘ มรรคนะ แต่ว่าการเกิดอริยมรรคจะเกิด ๔ ครั้ง โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามีมรรค อรหัตมรรค มรรคแต่ละครั้งเกิด ๑ ขณะจิตเท่านั้น ไม่เกิด ๒ ขณะจิต