ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
ประทีปหมดเชื้อผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้สึกอย่างนี้ชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญาอันเป็นธรรมควรตั้งไว้ในใจอย่างยิ่งประการนี้ก็ปัญญานี้คือความรู้ในความสิ้นทุกข์ทั้งปวงเป็นปัญญาอันประเสริฐยิ่ง ความหลุดพ้นของเขานั้นจัดว่าตั้งอยู่ในสัจจะเป็นคุณไม่กำเริบสัจจะอันเป็นธรรมควรตั้งไว้ในใจอย่างยิ่งคือนิพพานเพราะสิ่งที่เปล่าประโยชน์เป็นธรรมดานั้นเท็จสิ่งที่ไม่เลอะเลือนเป็นธรรมดาได้แก่นิพพานนั้นจริง #เป็นสัจจะอันประเสริฐยิ่งฉะนั้นผู้ถึงพร้อมด้วยสัจจะอย่างนี้ชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยสัจจะอันเป็นธรรมควรตั้งไว้ในใจจาคะอันเป็นธรรมควรตั้งไว้ในใจอย่างยิ่งคือความสละคืนอุปธิทั้งปวงอกุศลธรรมนั้นๆเป็นอันเขาละได้แล้ว ถอนรากขึ้นแล้วถึงความเป็นอีกไม่ได้มีความไม่เกิดต่อไปเป็นธรรมดา ผู้ถึงพร้อมด้วยการสละอย่างนี้ ชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยจาคะอันเป็นธรรมควรตั้งไว้ในใจ เป็นจาคะอันประเสริฐยิ่ง อุปสมะ (ความสงบ) อันเป็นธรรมควรตั้งไว้ในใจ คือความเข้าไปสงบราคะ โทสะ โมหะ ผู้ถึงพร้อมด้วยความสงบอย่างนี้ ชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอุปสมะอันเป็นธรรมควรตั้งไว้ในใจ เป็นอุปสมะอันประเสริฐอย่างยิ่ง กิเลสเครื่องสำคัญตนและกิเลสเครื่องหมักหมม ความสำคัญตนมีอยู่ดังนี้ว่า เราเป็น เราไม่เป็น เราจักเป็น เราจักไม่เป็น เราจักต้องเป็นสัตว์มีรูป เราจักต้องเป็นสัตว์ไม่มีรูป เราจักต้องเป็นสัตว์มีสัญญา เราจักต้องเป็นสัตว์ไม่มีสัญญา เราจักต้องเป็นสัตว์มีสัญญาก็มิใช่ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ความสำคัญตนจัดเป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร ก็ท่านเรียกบุคคลว่า เป็นมุนีผู้สงบแล้ว เพราะล่วงความสำคัญตนได้ทั้งหมดเทียว มุนีผู้สงบแล้ว ย่อมไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่กำเริบ ไม่ทะเยอทะยาน แม้มุนีนั้นก็ไม่มีเหตุที่จะต้องเกิด เมื่อไม่เกิด จักแก่ได้อย่างไร เมื่อไม่แก่ จักตายได้อย่างไร เมื่อไม่ตายจักกำเริบได้อย่างไร เมื่อไม่กำเริบ จักทะเยอทะยานได้อย่างไร คนเรามีธรรมที่ควรตั้งไว้ในใจ ๔ อันเป็นธรรมที่ผู้ตั้งอยู่แล้ว ไม่มีกิเลสเครื่องสำคัญตนและกิเลสเครื่องหมักหมม เป็นไป ก็เมื่อกิเลสเครื่องสำคัญตนและกิเลสเครื่องหมักหมม ไม่เป็นไปอยู่ บัณฑิตจะเรียกเขาว่า มุนีผู้สงบแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น