ทางพระนิพพาน#พระธรมเทศนาโดยพระราชพรหมยานเถระหลวงพ่อฤๅษีว้ดท่าซุง เรื่องของการภาวนาจะใช้คำว่าเล็กน้อยไม่ได้ เพราะว่า#การภาวนาส่วนใหญ่คือการใช้ปัญญาภาวนาแปลว่าทำให้เจริญแต่ส่วนใหญ่เราจะเน้นตรงสมาธิ การที่จะทำให้เจริญจริง ๆ ก็คือ #การที่เรารู้จักใช้ปัญญาอย่าลืมว่าพระโสดาบันจริงๆน่ะเขาไม่ได้เป็นพระโสดาบันกันไปตลอดนะส่วนใหญ่ก่อนตายเห็นสภาพของร่างกายไม่ไหวจริง ๆก็เป็นอรหันต์กันไปเยอะต่อเยอะแล้ว คราวนี้ของเราเองเรามีทานศีลเป็นปกติ ตัวภาวนาของให้เกาะนิพพานเป็นปกติ เราตั้งใจว่า "ทุกอย่างที่เราทำเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ถ้าหากว่าตายเมื่อไร เราปรารถนาที่เดียว คือพระนิพพาน" ไม่ต้องมากเลย แค่นี้แหละ คราวนี้ก่อนตายนี่สำคัญ...! สำคัญตรงก่อนตาย ก่อนตายถ้าหากว่าเราเป็นพระโสดาบันอยู่ไหม ช่วงนั้นจะไปรักใครก็ไม่ไหวแล้ว คนจะตายอยู่ จะไปโกรธใครก็ไม่ไหว แรงจะโกรธก็ไม่มี จะไปหลงใครก็คงจะไม่ไหว ถ้าอบรมมาดีต้องเห็นว่าร่างกายเป็นโทษ ก็แค่เพิ่มความคิดไปนิดเดียวแค่นั้น ว่าถ้าอย่างนั้นเราไปพระนิพพานดีกว่า เป็นอันว่าจบเลย เพราะฉะนั้น...ส่วนใหญ่แล้ว พระโสดาบัน ท่านจะไม่รอหรอก ถึงเวลากระโดดข้ามขั้นเลยมากกว่า 1. อธิษฐานตื่นนอนเช้าว่าวันนี้ลูกจะทำความดีให้มากที่สุด ตายเมื่อไรขอไปนิพพานชาตินี้ 2. ทำบุญวันละบาท ขอถวายเป็นสังฆทาน ขอนิพพานชาตินี้และขอให้ลูกคล่องตัวทุก ๆ อย่าง 3. รักษาศีล5 หรือ ศีล8 ให้ครบทุกข้อจงขอบารมีพระพุทธเจ้ามาเป็นกำลังใจในการรักษาศีล 4. ภาวนามีให้เลือกดังนี้แบบฝึก มโนมยิทธิ หายใจเข้า นะมะ หายใจออก พะธะหรือหายใจเข้า พุธ หายใจออก โธ หรือหายใจเข้า นิพพาน หายใจออกนิพพาน 5. นิมิตฝึกจำพระพุทธรูปที่ตนชอบ1 องค์หลับตาและลืมตาต้องจำภาพพระพุทธรูปให้ได้ 6. ขยายนิมิต ให้ออกไปกลางแจ้งขอให้พระพุทธเจ้าขยายให้เต็มท้องฟ้า แล้วคลุมตัวเราร้านและกิจการของเรา 7. เรียกบารมี ผลบุญใดที่ทำไว้แล้วทั้งหมด จงมาสนองตัวข้าพเจ้า ณกาลบัดนี้เถิด 8. ขอขมาพระรัตนตรัยทุกวัน ข้าพระพุทธเจ้าขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัยขอได้โปรดยกโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าเพื่อให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบัน ณ กาลบัดนี้เถิด 9. พิจารณา ให้ดูร่างกายของตนว่า สกปรก โสโครกเหม็นเน่าอืดพองน้ำเหลืองเละเหมือนถุงห่อหุ้มของเน่าเหม็นมีร่างกายจึงเป็นทุกข์เพราะต้องแก่-เจ็บ แล้วก็ตายสลายหมดอนิจจา… พอหนังกำพร้าฉีกขาดน้ำเลือดน้ำหนองหลั่งไหล เหม็นคาวน่าคลื่นไส้อวกแตกชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายสำหรับร่างกายอันแสนโสโครก ! 10. ทาน-ศีล-ภาวนาจะน้อยหรือมาก ให้ทำด้วยความเต็มใจเพื่อเข้าพระนิพพานชาตินี้ 11. ขอยืนยันว่าเราเข้านิพพานชาตินี้ได้เพราะ จิตนึกสิ่งใดไว้เสมอๆตายแล้วจะไปที่นั้นแล 12. พระพุทธเจ้า5 แสน1 หมื่น2 พัน28 พระองค์, พระปัจเจกพระพุทธเจ้านับเป็นล้าน ๆ พระอรหันต์เป็นแสนๆ โกฎิอยู่ครบที่เมืองนิพพานคอยสงเคราะห์คนทำความดีพิสูจน์ได้ 13. นิพพานสูญ สูญแปลว่าว่างจากกิเลสทั้งหมดแต่มีสภาพเป็นทิพย์พิเศษบริสุทธิ์ผุดผ่อง อยู่ที่นั่นเป็นอมตะถ้าปฏิบัติกับครูผู้ทำได้ทำถึง ปัญหาไม่มีอย่าห่วงตำรา อย่าบ้าความรู้ปริยัติจงถอดหัวโขนสักครู่ แล้วไปฝึกกับครู ลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี 14. คบผู้รู้นิพพาน สอนนิพพาน ทำทุก ๆอย่างเพื่อพระนิพพานชาตินี้จะมีผลดีแก่ตนได้มรรคผลชาตินี้แล แต่…..ถ้าคบนักเปรตปฏิเสธพระนิพพาน อเวจีครับท่านแย่งกันไปเยอะ 15. แผ่เมตตาก่อนปฏิบัติธรรมข้าพเจ้าขอแผ่เมตตาบารมีจิตให้แด่ท่านทั้งหลายและสรรพวิญญาณทั้งปวงขอจงอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน จงมีความสุขพ้นทุกข์ในชาตินี้และให้เข้าถึงที่นิพพานเทอญ 16. คำอาราธนาเจริญกรรมฐานลูกขอบูชาและขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์พระธรรมและพระอริยะสงฆ์ทั้งหลาย บิดามารดา ครูบาอาจารย์พรหมเทวดาทั้งหมดขอได้โปรดสงเคราะห์ให้ได้รู้ ได้เห็นพระนิพพานตามความเป็นจริงณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด 17. อุทิศส่วนกุศลขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญมาแล้วนี้ถวายแด่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าพระโพธิสัตว์ พระธรรมและพระอริยะสงฆ์ บิดามารดา ครูบาอาจารย์พรหมเทวดามนุษย์ทั้งหลายอบายภูมิ4 เจ้ากรรมนายเวรสรรพวิญญาณทั้งหมด จงโมทนา จงมีความสุขพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ก้าวล่วงถึงพระนิพพานขอพญายมราชจงเป็นสักขีพยานการเข้าถึงนิพพานของข้าพเจ้าในชาตินี้ด้วยเถิด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทางไปสู่พระนิพพาน 18 ธ ค 57 ค่ำ โดยหลวงพ่ออินทร์ถวาย ณ สวนแสงธรรม

การเกิดมรรคผล

มรรคผลนิพพานไม่ไกลนะ มันไกลสำหรับคนซึ่งไม่รู้จักวิธี#จิตก็ทรงสติปัญญามากขึ้นๆนะ #ตอนที่อริยมรรคจะเกิดเนี่ยไม่ได้ไปรู้รูปนามหรอก #จิตจะรวมเข้าอัปปนาสมาธิตัดการรับรู้ที่แผ่กว้างออกทางตาหูจมูกลิ้นกาย ตัดการรับรู้อันนั้นออกแล้วรวมลงมาที่ใจอันเดียวเห็นไหมสมาธิสำคัญนะ ที่เราฝึกให้มีตัวรู้ๆ เวลาเกิดอริยมรรคมันมาเกิดที่ตัวรู้นี่แหละไม่ไปเกิดที่อื่นหรอก ถ้าเราไม่มีตัวรู้ มีแต่ตัวร่อนเร่ ไปเกิดที่โน่นที่นี่ นั่นเรียกเวียนว่ายตายเกิด ไปเกิดที่อื่น งั้นเราฝึกให้มีตัวรู้ขึ้นมา ท่านจึงสอนในอภิธรรมสอน สัมมาสมาธิเป็นภาชนะที่รองรับองค์มรรคทั้ง ๗ ที่เหลือเข้าด้วยกัน เป็นที่ประชุมขององค์มรรค งั้นจิตประชุมที่ไหน? ประชุมที่จิต ประชุมด้วยอำนาจของสัมมาสมาธิ จิตที่มันตั้งมั่น แล้วสติเกิดที่ไหน? ที่จิต สัมมาสติ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาทั้งหลายแหล่เกิดลงที่จิตอันเดียวเลย ประชุมลงที่จิตอันเดียวเลย สัมมาวาจาไม่ได้ไปอยู่ที่ปากแล้ว แต่อยู่ที่จิต สังเกตไหมก่อนปากพูดจิตพูดก่อน สัมมาวาจาตอนที่อริยมรรคเกิดมันพูดอะไรรู้ไหม? มันพูดอย่างนี้ “ ” ได้ยินไหม เนี่ยสัมมาวาจา ถ้ายังอ้าแง๊บๆๆๆเนี่ยมิจฉาวาจานะ งั้นประชุมลงที่จิตเลย องค์มรรค ๘ ประการรวมลงที่จิตอันเดียวด้วยอำนาจของสัมมาสมาธินั่นเองนะ ตรงนี้อัตโนมัติทั้งหมดเลย สติระลึกรู้อยู่แค่จิตโดยไม่เจตนาระลึก สมาธิตั้งมั่นอยู่กับจิตโดยไม่เจตนาตั้งมั่น ปัญญานี่หยั่งซึ้งลงไปในจิต เห็นการทำงานภายในจิตอีกโดยไม่เจตนา สติ สมาธิ ปัญญา รวมลงที่เดียวนี้เอง อริยมรรคก็เกิด ถ้ายังกระจายๆอยู่ไม่เกิดอริยมรรค อริยมรรคมีองค์ ๘ ถามว่าอริยมรรคมีเท่าไหร่ มี ๑ เท่านั้นนะ เวลาเกิดอริยมรรคมี ๑ เท่านั้น แต่มีองค์ประกอบ ๘ อย่าง มรรคไม่ได้มี ๘ มรรคนะ แต่ว่าการเกิดอริยมรรคจะเกิด ๔ ครั้ง โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามีมรรค อรหัตมรรค มรรคแต่ละครั้งเกิด ๑ ขณะจิตเท่านั้น ไม่เกิด ๒ ขณะจิต