ทางโสดาบันเราดำรงชีวิตอย่างคนเมือง แล้วเราจะเจริญปัญญาได้อย่างไร ใช้ปัญญานำสมาธิได้อย่างไร ขั้นแรกเลย คือ พยายามรู้เนื้อรู้ตัวไว้ก่อน ให้จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว อย่าฟุ้งซ่าน อย่าใจลอย ถ้าเราใจลอยมีกายก็ลืมกายมีใจก็ลืมใจเพราะฉะนั้นขั้นแรกเลยรู้สึกตัวให้เป็นก่อน พอรู้สึกตัวเป็น แล้วค่อยเจริญปัญญา #วิธีเจริญปัญญาของพวกดูจิต #คือมีตาก็ดูมีหูก็ฟังมีจมูกก็ดมกลิ่นมีลิ้นก็รู้รสมีกายก็กระทบสัมผัสความเย็นความร้อนความอ่อนความแข็งความตึงความไหวรู้สึกไป #เวลามีอะไรมากระทบในร่างกายแล้วเวลาใจมันคิดนึกปรุงแต่งก็รู้ทัน๗วัน๗ เดือน๗ปีแล้วแต่บุญวาสนา ถ้าเราภาวนา เรามีต้นทุนเดิมมาดี เรามีศีลมีธรรมมาแต่ก่อน มีสมาธิพอสมควร เรามาเจริญสติในชีวิตธรรมดานี้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจกระทบอารมณ์ ใจเราเปลี่ยน เราก็ดูไปทุกวันๆ #ถึงจุดหนึ่งกำลังมันพอศีลสมาธิปัญญามันสมบูรณ์ขึ้นมาจะเกิดอริยมรรคขึ้น พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ ไฟล์ 610610 ซีดีแผ่นที่ ๗๖ ติดตามข่าวสาร อ่านพระธรรมคำสอน และดาวน์โหลดไฟล์เสียง เว็บไซต์ทางการ: www.dhamma.com Facebook Page: fb.com/dhammateachings Instagram: instagram.com/dhammadotcom Line : @dhammadotcom หมวดหมู่ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความคิดเห็น 3 รายการ Sompong Tungmepol เพิ่มความคิดเห็นสาธารณะ... Sompong Tungmepol Sompong Tungmepol 3 เดือนที่ผ่านมา ทางสายตรงเข้าสู่พระนิพพาน Sompong Tungmepol Sompong Tungmepol 10 เดือนที่ผ่านมา ศาสนาพุทธ พระอรหันต์ (พระ-อะ-ระ-หัน; บาลี: arahant; สันสกฤต: अर्हत् arhat) คือ พระอริยบุคคลชั้นสูงสุด สามารถละสังโยชน์ได้ครบ 10 ประการ Sompong Tungmepol Sompong Tungmepol 9 เดือนที่ผ่านมา เราดำรงชีวิตอย่างคนเมือง แล้วเราจะเจริญปัญญาได้อย่างไร ใช้ปัญญานำสมาธิได้อย่างไร ขั้นแรกเลย คือ พยายามรู้เนื้อรู้ตัวไว้ก่อน ให้จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว อย่าฟุ้งซ่าน อย่าใจลอย ถ้าเราใจลอยมีกายก็ลืมกายมีใจก็ลืมใจเพราะฉะนั้นขั้นแรกเลยรู้สึกตัวให้เป็นก่อน พอรู้สึกตัวเป็น แล้วค่อยเจริญปัญญา #วิธีเจริญปัญญาของพวกดูจิต #คือมีตาก็ดูมีหูก็ฟังมีจมูกก็ดมกลิ่นมีลิ้นก็รู้รสมีกายก็กระทบสัมผัสความเย็นความร้อนความอ่อนความแข็งความตึงความไหวรู้สึกไป #เวลามีอะไรมากระทบในร่างกายแล้วเวลาใจมันคิดนึกปรุงแต่งก็รู้ทัน๗วัน๗ เดือน๗ปีแล้วแต่บุญวาสนา ถ้าเราภาวนา เรามีต้นทุนเดิมมาดี เรามีศีลมีธรรมมาแต่ก่อน มีสมาธิพอสมควร เรามาเจริญสติในชีวิตธรรมดานี้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจกระทบอารมณ์ ใจเราเปลี่ยน เราก็ดูไปทุกวันๆ #ถึงจุดหนึ่งกำลังมันพอศีลสมาธิปัญญามันสมบูรณ์ขึ้นมาจะเกิดอริยมรรคขึ้น พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ ไฟล์ 610610 ซีดีแผ่นที่ ๗๖ ติดตามข่าวสาร อ่านพระธรรมคำสอน และดาวน์โหลดไฟล์เสียง เว็บไซต์ทางการ: www.dhamma.com Facebook Page: fb.com/dhammateachings Instagram: instagram.com/dhammadotcom Line : @dhammadotcom

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทางไปสู่พระนิพพาน 18 ธ ค 57 ค่ำ โดยหลวงพ่ออินทร์ถวาย ณ สวนแสงธรรม

การเกิดมรรคผล

มรรคผลนิพพานไม่ไกลนะ มันไกลสำหรับคนซึ่งไม่รู้จักวิธี#จิตก็ทรงสติปัญญามากขึ้นๆนะ #ตอนที่อริยมรรคจะเกิดเนี่ยไม่ได้ไปรู้รูปนามหรอก #จิตจะรวมเข้าอัปปนาสมาธิตัดการรับรู้ที่แผ่กว้างออกทางตาหูจมูกลิ้นกาย ตัดการรับรู้อันนั้นออกแล้วรวมลงมาที่ใจอันเดียวเห็นไหมสมาธิสำคัญนะ ที่เราฝึกให้มีตัวรู้ๆ เวลาเกิดอริยมรรคมันมาเกิดที่ตัวรู้นี่แหละไม่ไปเกิดที่อื่นหรอก ถ้าเราไม่มีตัวรู้ มีแต่ตัวร่อนเร่ ไปเกิดที่โน่นที่นี่ นั่นเรียกเวียนว่ายตายเกิด ไปเกิดที่อื่น งั้นเราฝึกให้มีตัวรู้ขึ้นมา ท่านจึงสอนในอภิธรรมสอน สัมมาสมาธิเป็นภาชนะที่รองรับองค์มรรคทั้ง ๗ ที่เหลือเข้าด้วยกัน เป็นที่ประชุมขององค์มรรค งั้นจิตประชุมที่ไหน? ประชุมที่จิต ประชุมด้วยอำนาจของสัมมาสมาธิ จิตที่มันตั้งมั่น แล้วสติเกิดที่ไหน? ที่จิต สัมมาสติ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาทั้งหลายแหล่เกิดลงที่จิตอันเดียวเลย ประชุมลงที่จิตอันเดียวเลย สัมมาวาจาไม่ได้ไปอยู่ที่ปากแล้ว แต่อยู่ที่จิต สังเกตไหมก่อนปากพูดจิตพูดก่อน สัมมาวาจาตอนที่อริยมรรคเกิดมันพูดอะไรรู้ไหม? มันพูดอย่างนี้ “ ” ได้ยินไหม เนี่ยสัมมาวาจา ถ้ายังอ้าแง๊บๆๆๆเนี่ยมิจฉาวาจานะ งั้นประชุมลงที่จิตเลย องค์มรรค ๘ ประการรวมลงที่จิตอันเดียวด้วยอำนาจของสัมมาสมาธินั่นเองนะ ตรงนี้อัตโนมัติทั้งหมดเลย สติระลึกรู้อยู่แค่จิตโดยไม่เจตนาระลึก สมาธิตั้งมั่นอยู่กับจิตโดยไม่เจตนาตั้งมั่น ปัญญานี่หยั่งซึ้งลงไปในจิต เห็นการทำงานภายในจิตอีกโดยไม่เจตนา สติ สมาธิ ปัญญา รวมลงที่เดียวนี้เอง อริยมรรคก็เกิด ถ้ายังกระจายๆอยู่ไม่เกิดอริยมรรค อริยมรรคมีองค์ ๘ ถามว่าอริยมรรคมีเท่าไหร่ มี ๑ เท่านั้นนะ เวลาเกิดอริยมรรคมี ๑ เท่านั้น แต่มีองค์ประกอบ ๘ อย่าง มรรคไม่ได้มี ๘ มรรคนะ แต่ว่าการเกิดอริยมรรคจะเกิด ๔ ครั้ง โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามีมรรค อรหัตมรรค มรรคแต่ละครั้งเกิด ๑ ขณะจิตเท่านั้น ไม่เกิด ๒ ขณะจิต